มีพ่อแม่บางกลุ่มมีแนวคิดที่ปราถนาให้ลูกแข็งแกร่ง เลือกที่จะฝึกให้ลูกเข้มแข็ง ต้องการให้ลูกสามารถฝ่าฟันอุปสรรคเติบโตเผชิญกับความเป็นจริงของโลกใบนี้ได้ หรือแม้แต่ในแง่มุมของความโหดร้ายในโลกใบนี้
แน่นอนว่าผู้ใหญ่ที่ได้พบเจอกับอะไรต่อมิอะไรมากมายในโลกใบนี้มาก่อน ย่อมที่จะมีความกังวล ในสิ่งที่ลูกอาจต้องพบเจอ
เป็นปกติธรรมดาที่พ่อแม่แทบทุกคน จะอยากให้ลูกมีความเข้มแข็งและรู้เท่าทันชีวิต
แต่ความไม่ปกตินั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ หากพ่อแม่มีความรู้ความเข้าใจในการปลูกฝังอบรมลูกอย่างไม่ถูกวิธี
การฝึกฝน เรียนรู้ของเด็กนั้น นอกจากจะต้องมีรูปแบบของวิธีที่ดีแล้ว ยังจะต้องมีการไล่เรียงลำดับที่ถูกต้อง
มีเวลาและสถานการณ์ที่อยู่ในภาวะที่ถูกต้อง และต้องมีการค่อยๆปูทาง มีการค่อยๆขยับแบบเรียนรู้
มีความสอดคล้องกับระดับของวัย มีปริมาณที่สลับความเข้มข้นและผ่อนคลาย มีความใจเย็นที่ค่อยๆบรรจุขัดเกลา ไม่มากเกินไปไม่เข้มเกินไป ให้ อยู่ในจุดที่สมดลุย์
และสำคัญที่สุดต้องยังคงหลงเหลือพื้นที่ให้สำหรับ ความสุขของเด็ก ความได้ดื่มด่ำกับช่วงวัยของชีวิต ได้ปลดปล่อยความเป็นธรรมชาติในโลกของเด็กๆได้อย่างพอเพียง ได้มีความแจ่มใสร่าเริงสนุกสนานตามประสา
ความอ่อนโยน ความน่ารัก มิใช่เรื่องอ่อนแอ !!!
มีพ่อแม่บางคนปฏิเสธที่จะให้ลูกมีลักษณะของความอ่อนโยนแฝงอยู่ในตัว
ความอ่อนโยนเป็นพื้นฐานที่ดี ที่จะซึมซับให้เด็กรู้ถึงคุณค่า ของสิ่งที่มีในโลกใบนี้ เขาจะเรียนรู้ที่จะรักษาสิ่งต่างๆที่มีความหมาย และในวันที่เขาเริ่มฝึกความเข้มแข็ง ก็จะสามารถใช้ความเข้มแข็งนั้นไปในทางที่ดีงาม
ความอ่อนโยนจึงถือเป็นรากฐานสำคัญของพลังแห่งความเข้มแข็ง
มีพ่อแม่บางคน คร่ำเคร่งเคี่ยวกรำลูก จนแทบไม่ปล่อยให้ลูกได้ใช้ช่วงวัยตามประสาธรรมชาติของเด็กทั่วไป
การฝืนสัญชาติญาณช่วงวัยของมนุษย์ จะสร้างปมให้กับเด็ก เด็กจะรู้สึกขาดหาย หรือแม้ว่าไม่รู้สึก
แต่เด็กจะมีปมที่รอรับรส ของสิ่งที่ไม่เคยได้รับ ซึ่งเมื่อถึงวันที่ได้รับรส จะสับสนในภาวะของตนเอง
ซึ่งพ่อแม่ต้องไม่ลืมว่า แม้ว่าจะมีสิทธิในการปลูกฝังอบรมสั่งสอนลูก แต่ทว่า ตนเองไม่มีสิทธิที่จะลิขิตทั้งหมด
โดยเฉพาะการปิดกั้น ลักษณะทางธรรมชาติ ของสัญชาติญาณของมนุษย์
เพราะกฏของธรรมชาตินั้นมักจะสร้างปฏิกริยาตอบโต้ ยามเมื่อมีการขืนธรรมชาติความเป็นจริง