ตู้ยาสามัญประจำบ้านนั้นคือสิ่งที่ เดิมทีเป็นที่รู้กันทั่วไปว่ามีความจำเป็น และเกิดประโยชน์เป็นอย่างสูงโดยเฉพาะในนาทีชีวิตที่สำคัญ ซึ่งสามารถผ่อนหนักให้เป็นเบา หรือเปลี่ยนแปลงผลกระทบได้อย่างมาก แต่มิใช่ทุกบ้านที่จะมีตู้ยาหรือกล่องยา หรือมียาที่เพียงพอ แม้จะเป็นเรื่องสำคัญแต่ยังคงมีหลายครอบครัว ที่ไม่มีตู้ยาที่เหมาะสมแก่พื้นฐาน กันหลายบ้านเป็นจำนวนมากอย่างน่าเป็นห่วง ไม่ว่าจะมาจากสาเหตุของการขาดความเข้าใจ ตระหนัก หรือสาเหตจากการละเลยก็ตาม หรือสาเหตจากการขาดแคลนทุนทรัพย์ก็ตาม และหากเมื่อใดที่คุณได้มีสมาชิกใหม่ตัวน้อยๆเพิ่มขึ้นในครอบครัวแล้วล่ะก็การมีตู้ยาสามัญประจำบ้าน ยิ่งถือเป็นสิ่งจำเป็นต้องมี และควรจะมีสิ่งที่เพิ่มเติมสำหรับเด็กภายในตู้ยาด้วย สิ่งพื้นฐานที่ควรมีในตู้ยา โดยเฉพาะบ้านที่มีเด็กนั้น ก่อนอื่นเราต้องตระหนักก่อนว่า ยาที่ใช้เพื่อการรักษา ในกลุ่มของยาปฏิชีวนะ และยาประเภททาน ที่ใช้กันกับผู้ใหญ่นั้น เป็นสิ่งที่ต้องควรระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง ไม่ควรนำใช้กับเด็กโดยขาดคำแนะนำของแพทย์ สำหรับเด็กนั้นต้องมีความละเอียดเคร่งครัด ในการเลือกใช้ซึ่งต้องได้รับความชัดเจนจากแพทย์ ไม่ควรนำยาสำหรับผู้ใหญ่ไปใช้กับเด็กเล็ก ในขณะที่ยังไม่ชัดเจนถึงข้อมูลความเข้าใจ นอกจากนี้การจัดเก็บยา จะต้องเก็บไว้ในที่ ไม่ง่ายแก่เด็กเข้าถึง เพื่อป้องกันอันตรายจากเด็กที่รู้เท่าไม่ถึงการณ์ รวมถึงเด็กโตทุกคนในบ้าน…
สุขภาพความปลอดภัยเด็ก
สุขภาพความปลอดภัยเด็ก Feedให้ความสำคัญกับการนอนของเด็ก
byการนอน เป็นยาวิเศษที่สุดของชีวิต เป็นการพักผ่อนร่างกายฟื้นฟูซ่อมแซมร่างกายและยังเป็นการรวบรวมความพร้อมของพลังงานร่างกายมาใช้ให้พอเพียงต่อกิจวัตรประจำวัน อย่างมีพอไม่บกพร่องจนร่างกายเกิดสภาวะหักโหมนำพาผลเสีย และสำหรับในเด็กนั้นการนอนเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งขึ้นอันส่งผลต่อภาวะการเจริญเติบโต แต่กระนั้นประเด็นสำคัญในการควบคุมการนอนของเด็กนั่นก็คือเด็กไม่ได้มีความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ เด็กจะหลับหรือจะตื่นไปตามสัญชาติญานทางธรรมชาติ โดยมีสิ่งแวดล้อม และการเลี้ยงดูเข้ามาเป็นตัวแปร นอกจากนี้ตารางการนอนที่มีวินัยคือสิ่งสำคัญ เพราะระบบการนอนนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่มนุษยไม่สามารถกำหนดได้ดั่งใจไปทั้งหมด ยามนอนอื่ม ไม่อาจนอนง่ายได้โดยไวหากไม่ถึงเวลานอน เพราะร่างกายยังสดชื่นกระปรี้กระเปร่า แต่หากยามอ่อนล้า พอถึงเวลานอนก็ยากจะฝืนร่างกาย ดังนั้นแล้ว ตารางการนอนสร้างการปรับตัวและชินในระบบที่ดีมีประสิทธิภาพจึงนับเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมาก และเด็กๆมักจะไม่สามารถเข้าใจกลไกล และควบคุมในเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง หากพ่อแม่ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในหลักการนี้ก็มักจะปล่อยเป็นไปอย่างไร้ระบบให้ลูกตื่นในเวลาที่ไม่ควร และให้ลูกนอนในเวลาหรือปริมาณที่ไม่เหมาะสม ครั้นจะให้ลูกนอนหรือตื่นก็กลายเป็นลักษณะที่ฝืนระบบธรรมชาติร่างกาย นอกจากนี้ หากมีสิ่งกระตุ้นความสนใจในเวลาที่ไม่เหมาะสมหรือเจอการรบกวน เด็กๆมักจะตื่นตัวและผิดเวลานอน การพบเห็นลูกต้องนอนในลักษณะที่เพลียอ่อนแรงอย่างที่สุด จนถึงขั้นร่วงหลับไปเองอย่างหมดแรงฝืนนั้น เป็นภาวะที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะนั่นแปลความหมายว่า ลูกของคุณต้องเจอกับภาวะตรากตรำร่างกายจนถึงขั้นต้องให้ร่างกายบังคับนอนในภาวะขีดสุด ซึ่งอาจไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพระยะยาว หากปล่อยให้เป็นแบบนี้บ่อยๆ อย่างไรก็ตาม…
ความสำคัญของหมวกสำหรับเด็กเล็ก
byมีเด็กมากมาย ที่มีพฤติกรรมไม่ชอบสวมหมวก หรือไม่ชอบห่มผ้า ซึ่งมักจะดึงหมวกออก หรือนอนสลัดผ้าห่ม ออกเป็นประจำ หรือถึงขั้นคุณแม่เอาหมวกใส่ให้ทีไรเป็นเบะปากทำหน้าโยเย โวยวายหงุดหงิดก็มี ปัญหาเล็กๆเหล่านี้ ที่ผู้ใหญ่มักคิดว่า อาการของเด็กที่ไม่ชอบใส่หมวกนั้นเป็นเรื่องเล็กๆ บางคนมีบ้างที่ยิ่งขำในความน่ารักของเด็กๆที่งอแง และมองว่าเป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการบังคับ แต่จะดีกว่าไหมหากว่าสามารถทำให้เด็กมีความรู้สึกที่ดีต่อหมวกและผ้าห่มได้ รวมถึงไม่ต้องส่งผลกระทบต่อภาะวะอารมณ์และสุขภาพจิตของเด็กที่จะนำสู่พฤติกรรมทางนิสัยได้ ปัญหาแรกๆที่ต้องวิเคราะกันบ้างสักหน่อย นั่นก็คือเรื่องของขนาด ของหมวก ซึ่งควรพิจราณาว่ามีขนาดที่ไปสร้างความอึดอัด คับแน่น หรือหลวมย้วย มีลักษณะรุงรังรุ่มร่ามน่ารำคาญหรือไม่ ควรเลือกขนาดไซส์ที่ให้ความพอดี ไม่รัดไปไม่หลวมไปมีความอยู่ตัวสร้างความสบาย นอกจากนี้ยังควรสังเกตในเรื่องลักษณะของใยผ้า ว่าสวมใส่แล้วสร้างความคัน หรือรู้สึกแออัด หรือไม่ โดยในกรณีนี้นอกจากเกิดขึ้นได้จากชนิดของใยผ้าเองแล้ว ยังเกิดขึ้นได้จากการทักทอที่ไม่เข้ารูป มีช่วงตะเข็บหรือเกิดใยฝอยที่สร้างความก่อกวนใจ หรืออาจเกิดขึ้นได้จากการละเลยที่จะทำความสะอาด ซึ่งหมวกบางใบที่ยังแลดูด้วยสายตา มองว่าสะอาดแต่แท้ที่จริงแล้วอาจจะมีการหมักหมม ทำให้เมื่อสวมใส่แล้วมักจะสร้างความคันหรือแสบแพ้ได้ง่าย…
อย่าปล่อยให้มีการสัมผัสตัวเด็กอย่างพร่ำเพรื่อ
byลักษณะทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจนตาเปล่ามองไม่เห็นในโลกของเรานั้น มีระบบวงจรที่ซับซ้อนหลากหลายเป็นอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค เชื้อรา ไวรัส หรือแบททีเรีย ซึ่งมีประเภทต่างๆมากมายหลายประเภท และมีทั้งการวิวัฒนาการ มีทั้งการข้ามสายพัณธ์ สร้างพัณธ์ใหม่ๆอยู่เสมอ และบางสายพัณธ์สามารถติดต่อได้ หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบาดแผล ทางเลือด ทางอากาศ ทางของเหลว หรือแม้แต่เพียงการสัมผัส ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยที่จะมองเป็นเรื่องที่ประมาท มีเด็กหลายคนที่ตกเป็นข่าวน่าเศร้า เพียงเพราะไม่คาดคิดถึงอันตรายจากการสัมผัส ในบริบทเล็กๆที่พ่อแม่มองข้าม เด็กคือวัยที่มีภาวะภูมิต้านทาน ที่ยังไม่แข็งแรงได้เท่ากับผู้ใหญ่โดยเฉพาะในเด็กอ่อนหรือทารก อีกทั้งเด็กยังมีโอกาสถูกสัมผัส ในลักษณะ กอด หอม อุ้ม ลูบ ฯลฯ ได้บ่อยครั้งและมากกว่าผู้ใหญ่ และถูกสัมผัสได้จากบุคคลที่หลากหลายหรือแม้แต่กระทั่งคนแปลกหน้า ที่ชื่นชอบความน่ารักของเด็ก มือของผู้ใหญ่ที่หยิบจับสัมผัสวัตถุต่างๆมามากมาย…
จงระมัดระวังการติดเชื้อจากการสัมผัส
byจงระมัดระวังการติดเชื้อจากการสัมผัส พฤติกรรม เอามือล้วงปากตัวเองเล่น ในเด็กทารก หรือแคะจมูกในเด็กที่เริ่มโต รวมทั้งการดูดนิ้ว ดูจะเป็นเรื่องที่ห้ามกันได้ยาก สำหรับเด็ก โดยเฉพาะในเด็กทารก ซึ่งบางทีผู้ดูแลก็อาจจะมองเป็นเรื่องปกติธรรมดาของเด็กทั่วไป จนถึงขั้นปล่อยปละละเลยในเรื่องนี้ ทั้งที่จริงแล้วสาเหตสำคัญที่ทำให้พ่อแม่ตกใจในวันที่ลูกไม่สบายเป็นไข้ ล้วนง่ายที่จะเกิดจาก สาเหตของการติดเชื้อจากพฤติกรรมเช่นนี้ของเด็กๆ ร่างกายของมนุษย์เรานอกจากจะมีภูมิคุ้มกันแล้ว ยังมีลักษณะทางร่างกายที่คอยปกป้องการติดเชื้อ มีผิวหนังที่ห่อหุ้มร่างกายเอาไว้ โดยลักษณะทางธรรมชาติของสิ่งที่เรียกว่า เชื้อโรค เชื้อไวรัสและแบททีเรีย รวมถึงสารปนเปื้อนต่างๆในรอบตัวเรา ล้วนมองหาช่องทางที่จะแพร่กระจายได้ง่ายที่สุด จากช่องทางที่สัมผัสสู่ของเหลวที่ไหลเวียนในร่างกาย เพื่อทะลุทะลวงโจมตีในชั้นที่อ่อนแอที่สุดของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นจากทางเลือดที่โผล่มาจากบาดแผล จากน้ำลาย จากน้ำมูก หรือน้ำตา ทางที่ง่ายที่สุดคือการเกาะอยู่บนวัตถุและผิวสัมผัสต่างๆ หรือแม้แต่จากร่างกายของสิ่งมีชีวิต เพื่อรอการสัมผัสเคลื่อนติดไปยังส่วนต่างๆอย่างเป็นขั้นตอน อันตรายเป็นอย่างยิ่งสำหรับผู้ใหญ่ที่มองเรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็ก ด้วยการวัดเอาจากตัวผู้ใหญ่เองที่ไม่เป็นอะไรอยู่มาจนโต ประเด็นสำคัญที่ควรทราบนั่นก็คือ ระดับความแข็งแรงและภูมิคุ้มกันของร่างกายในเด็กและผู้ใหญ่นั้นแตกต่างกัน…