มีพ่อแม่บางกลุ่มมีแนวคิดที่ปราถนาให้ลูกแข็งแกร่ง เลือกที่จะฝึกให้ลูกเข้มแข็ง ต้องการให้ลูกสามารถฝ่าฟันอุปสรรคเติบโตเผชิญกับความเป็นจริงของโลกใบนี้ได้ หรือแม้แต่ในแง่มุมของความโหดร้ายในโลกใบนี้ แน่นอนว่าผู้ใหญ่ที่ได้พบเจอกับอะไรต่อมิอะไรมากมายในโลกใบนี้มาก่อน ย่อมที่จะมีความกังวล ในสิ่งที่ลูกอาจต้องพบเจอ เป็นปกติธรรมดาที่พ่อแม่แทบทุกคน จะอยากให้ลูกมีความเข้มแข็งและรู้เท่าทันชีวิต แต่ความไม่ปกตินั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ หากพ่อแม่มีความรู้ความเข้าใจในการปลูกฝังอบรมลูกอย่างไม่ถูกวิธี การฝึกฝน เรียนรู้ของเด็กนั้น นอกจากจะต้องมีรูปแบบของวิธีที่ดีแล้ว ยังจะต้องมีการไล่เรียงลำดับที่ถูกต้อง มีเวลาและสถานการณ์ที่อยู่ในภาวะที่ถูกต้อง และต้องมีการค่อยๆปูทาง มีการค่อยๆขยับแบบเรียนรู้ มีความสอดคล้องกับระดับของวัย มีปริมาณที่สลับความเข้มข้นและผ่อนคลาย มีความใจเย็นที่ค่อยๆบรรจุขัดเกลา ไม่มากเกินไปไม่เข้มเกินไป ให้ อยู่ในจุดที่สมดลุย์ และสำคัญที่สุดต้องยังคงหลงเหลือพื้นที่ให้สำหรับ ความสุขของเด็ก ความได้ดื่มด่ำกับช่วงวัยของชีวิต ได้ปลดปล่อยความเป็นธรรมชาติในโลกของเด็กๆได้อย่างพอเพียง ได้มีความแจ่มใสร่าเริงสนุกสนานตามประสา ความอ่อนโยน ความน่ารัก มิใช่เรื่องอ่อนแอ !!! มีพ่อแม่บางคนปฏิเสธที่จะให้ลูกมีลักษณะของความอ่อนโยนแฝงอยู่ในตัว…
จิตวิทยาเด็ก
จิตวิทยาเด็ก Feedอย่าให้ลูกชินกับน้ำเสียงอันก้าวร้าวของผู้ใหญ่
byมีพ่อแม่หลายคน ที่มีความเข้าใจที่ผิดในวิธีของการดุลูก หรือแสดงความจริงจังกับลูกด้วยการโวยวาย ด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง การแสดงออกถึงความเกรี้ยวกราด การแสดงออกถึงความโมโห มีพื้นฐานมาจากสัญชาติญาณดั้งเดิมของมนุษย์ ที่เป็นระบายอารมณ์หรือเป็นการขู่หรือข่มขวัญ ซึ่งอันที่จริงแล้วมนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาอารยะธรรม ยกระดับหาทางออกที่ดีมากขึ้นกว่าได้ การแสดงออกด้วยอารมณ์ที่รุนแรง จะมีลักษณะการสื่อกระตุ้น ต่อมสัญชาติญาณ ทั้งในตัวเด็กและพ่อแม่เชื่อมถึงกัน เชื่อมโยงระหว่างสัญชาติญาณดิบดั้งเดิม ในตัวคน ให้มีลักษณะของการปลูกฝังและเคยชิน การดุด่าโวยวายลูก เป็นวิธีที่พ่อแม่มักเข้าใจว่าคือทางออกที่ได้ผล อันเนื่องมาจาก รับรู้ว่ามันใช้ได้ มาตั้งแต่วัยที่รู้ประสา และแน่นอนว่าพ่อแม่ย่อมไม่อาจจดจำตัวเองในวัยที่ไม่รู้ประสาได้ จึงมักไม่อาจจดจำได้ว่า มันเป็นอย่างไรในวัยนั้นต่อเรื่องนี้ สำหรับเด็กที่ยังไม่ประสาอะไรมากนัก นอกจากการดุโวยวายจะไม่ค่อยได้ผลแล้ว ยังเป็นการปลูกฝังพฤติกรรมให้กับเด็กอีกด้วย หนักเข้า ยิ่งลูกไม่รู้เรื่อง ในขณะที่พ่อแม่ก็เร่งอารมณ์ตัวเองกระตุ้นตัวเองไปเรื่อยๆยิ่งเป็นสภาวะที่ยุแก่การนำพาสู่การลงโทษด้วยกำลัง และทวีคูนความโมโหโต้ตอบของเด็ก พ่อแม่ก็ยิ่งหมายจะกำราบให้อยู่ให้หลาบจำในครั้งเดียว มีพ่อแม่หลายคนเลยทีเดียวที่ ใช้วิธีนี้ด้วยความเข้าใจเอาเอง…
อย่าลืมให้วิจารณญาณลูกทุกการพัฒนาเรียนรู้
byเด็กฉายแวว คือสัญญาณที่ดี ไม่ว่าจะเป็นแววในด้านอะไรก็ตาม พ่อแม่บางคนดีใจที่ลูก ฉายแววชอบเรียนรู้ พ่อแม่บางคนดีใจที่ลูกเริ่มสนใจ ในกิจกรรมที่โดดเด่น พ่อแม่หลายคนดีใจที่เด็กมีความกล้าแสดงออก หรือช่างพูดช่างซักช่างถาม หรือเด็กบางคนส่อแววความเป็นอัจฉริยะ ซึ่งมักเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า หากในเวลาที่เด็กได้ฉายแววใดออกมา ผู้ใหญ่ควรให้การสนับสนุนผลักดันความโดดเด่นในเรื่องนั้นให้มากที่สุด แต่กระนั้นก็ตาม ยังมีหลายครอบครัวที่ยังขาดความเข้าใจ ในเรื่องของความพอดีเหมาะสมและการให้วิจารณญาณกับเด็ก เด็กบางคนเป็นคนช่างถามช่างซัก ร่าเริงแจ่มใส คนในครอบครัวให้ความรักและเอ็นดู พาไปทางไหนเจอญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงคนรู้จัก เด็กก็ร่าเริงพูดเจื้อยแจ้ว ช่างถามช่างซักกับทุกคน เด็กบางคนฉายแววนักประดิษฐ์ นักคิดนักวิเคราะ ชอบสงสัย หาข้อเปรียบเทียบ ชอบรื้อ หรือชอบผสม ชอบประกอบ รูปการณ์แบบนี้พ่อแม่มัก จะตามใจเต็มที่ และปล่อยให้เด็กยิ่งทำยิ่งดี ยิ่งส่งเสริม ด้วยความเชื่อที่ว่า …
เมื่อลูกน้อยชอบเอาแต่ใจ งอแง
byการอบรมปลูกฝังลูก นั้นควรทำอย่างมีแบบแผน ในครั้งที่เด็กทำตัวดื้อซน ผู้ใหญ่ต้องสั่งสอนอย่างเจตนาที่จะอบรม แต่มิใช่ ผู้ใหญ่มีอารมณ์ร่วมในทางโมโห การไม่ตามใจเด็กการ ไม่ให้ในสิ่งที่เด็กกำลังเอาแต่ใจ การขัดขืนเด็ก การหยุดหรือการยึดสิ่งใดๆจากเด็กต้องกระทำด้วย การแสดงออกทางลักษณะของสีหน้าน้ำเสียง ที่ปกติแต่หนักแน่นในเหตผล ไม่โกรธ ไม่โมโห ไม่ขู่ว่าจะไม่รัก ไม่ใช้การขู่อันใด ที่สร้างความวิตกกังวลให้กับเด็ก ไม่แม้แต่การแกล้งทำสีหน้า โกรธ หรือเย็นชาหรืองอน ใส่เด็ก สิ่งที่คุณควรทำนั่นก็คือการส่งเสริมปลูกฝังให้เด็กมีความรู้สึกยอมรับ ในสิ่งที่ควรหรือไม่ควรให้ได้ด้วยตัวเขาเอง ใช้สีหน้าท่าทางปกติ เมื่อทำบ่อยๆขึ้น เด็กจะเริ่มเข้าใจในโปรแกรมนี้ ทำเพราะรู้ว่าต้องทำ ไม่ทำเพราะรู้ว่าไม่ควรทำ เด็กจะให้ค่าความสำคัญกับความหมายนี้ โดยไม่ถูกเหตผลอื่นอำพรางหรือซ้อนเอาไว้อยู่ เด็กจะรู้อะไรเขาจะได้ อะไรเขาจะไม่ได้ อะไรที่เขางอแงไปก็ไม่ได้ผล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…
ไม่ทดสอบพรากของรักไปจากเด็ก
byไม่ทดสอบพรากของรักไปจากเด็ก การหยอกเย้าเด็กด้วยการแกล้ง ให้เด็กรู้สึกว่ากำลังจะสูญเสียหรือพรากจาก เป็นเรื่องที่ส่งผลต่อโครงสร้างของจิตใจเด็ก ไม่ว่าจะมีผู้ใหญ่ที่รู้สึกสนุกกับการหยอกเด็ก หรือไม่ว่าจะมีผู้ใหญ่ที่อยากพิสูจน์อยากทดสอบ ว่าเด็กรักในตัวบุคคลหรือในวัตถุนั้นๆ อยู่มากแค่ไหน เห็นแล้วรู้สึกชอบใจ ที่เด็กมีความรักให้กับสิ่งเหล่านั้น การจะทำเรื่องนี้ หากจะทำเพื่อการกระตุ้นให้เด็กรู้สึกตระหนักหวงแหนมากยิ่งขึ้น หรือรักมากยิ่งขึ้น จะต้องกระทำโดยมีแบบแผนมีความเหมาะสมมีวิจารณญาณ และมีวิธีที่ถูก ไม่ทำพร่ำเพรื่อและต้องทำเพื่อการสอนสั่ง มิใช่ทำเพื่อเล่นสนุก และควรทำอย่างเหมาะสมกับสภาพความเปราะบางของเด็ก ไม่ควรใช้วิธีที่เข้มข้นแรงเกินไป เมื่อทำลงไปแล้ว ต้องชี้แจงสิ่งที่สอน ให้เขาเข้าใจด้วย เช่น ในเด็กที่มีพฤติกรรมไม่รักษาของทิ้งขว้างของ ให้เข้าใจว่าสิ่งของมีโอกาสที่จะหายได้อย่างไร และเวลาที่ของหาย รู้สึกถึงคุณค่าของสิ่งของอย่างไร หรือในเด็กที่มีพฤติกรรม เกเร ไม่เหมาะเข้ากับผู้คน ก็ต้องสอนหลังจากให้บทเรียนด้วยว่า ในยามที่ผู้คนหนีเลี่ยงออกห่างจากเด็กนั้นเพราะอะไร เพราะหากกระทำลงไปอย่างปราศจากแบบแผนที่ดี ทำลงไปแล้วปล่อยให้เด็กเสียใจฟุ้งซ่านอยู่คนเดียวกลไกลระบบความคิดของเด็กอาจจะผลิตโครงสร้างผิดๆมาประกอบกับเหตการณ์ได้หรืออาจมีความผูกใจ เพิ่มจิตนิสัยเกรี้ยวกราด …