คาร์ชีส อุปกรณ์สำคัญอันควรมีติดรถ

คาร์ซีส หรือเบาะนิรภัยภายในรถสำหรับเด็ก คืออุปกรณ์ที่มีนัยยะของประโยชน์ ที่ผู้ใหญ่ต้องทำความเข้าใจและให้ความสำคัญ   ก่อนที่จะวางแผนเดินทางโดยมีลูกน้อยเดินทางร่วมด้วยไปกับรถ “ติดตั้งไปทำไม  ขับระวังก็ได้?   ติดไปทำไม ขับช้าๆคงไม่มีอะไรหรอก” ติดไปทำไม เข็มขัดนิรภัยและผู้ใหญ่ที่นั่งใกล้ๆคงช่วยกอดจับไว้ได้? “โชคร้ายคงไม่เกิดขึ้นกับครอบครัวเราหรอก” และอีกสารพัดเหตผลที่พร้อมจะสนับสนุนความเชื่อที่ละเลยความเข้าใจ ควรทราบว่า ทันทีที่คุณมีจิตละเลยต่อเรื่องนี้ สิ่งที่ออกมามันเปรียบเสมือนคุณกำลังใส่หมวกกันน๊อคขี่มอเตอร์ไซค์โดยไม่สวมหมวกให้กับลูก   สิ่งที่ควรทราบอีกเรื่องก็คือ แรงปะทะจากอุบัติเหต ที่ดูเหมือนไม่รุนแรงนักหรือแม้แต่เพียงแค่แรงเบรกรถ  ซึ่งดูไม่น่าจะสร้างความบาดเจ็บมากให้กับผู้ใหญ่  แต่สำหรับเด็กนั้น ภาวะเช่นนี้ สามารถทำให้เด็กปลิวกระแทกหรือกระแทกได้อย่างรุนแรง  และสามารถรุนแรงสูงไปถึงขั้นพิการหรือคร่าชีวิตได้เลยทีเดียว นอกจากนี้ในภาวะของการประสบอุบัติเหตโดยทั่วไปแล้ว การมีผู้ใหญ่คอยนั่งจับเด็กเอาไว้ นั่นแทบไม่ช่วยอะไรเลย เพราะแรงปะทะจากอุบัติเหตนั้น สามารถสร้างแรงกระแทกได้รุนแรงมหาศาลเหนือกว่าที่คิด และไม่มีทางที่จะจับอยู่ ปัจจุบันมีอุปกรณ์ประเภทคาร์ซีส วางจำหน่ายหลายยี่ห้อหลายรุ่น มีตั้งแต่ราคาถูกถึงราคาแพง โดยสินค้าแต่ละรายนั้น…

ควรคำนึงถึงการซึมซับพฤติกรรมจากผู้ดูแล

ในหลายครอบครัวที่ให้ความสำคัญกับ ลูกๆซึ่งมีความหมายเป็นดั่งแก้วตาดวงใจ เป็นผืนผ้าขาวที่คาดหวังจะให้เติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในภายหน้านั้น สิ่งที่ควรตระหนักเป็นอย่างยิ่งนั่นก็คือ เรื่องของ การปลูกฝังแรก ทัศนคติแรก และการซึมซับจิตนิสัยพฤติกรรมแรกของเด็กๆ ปัจจุบันยังมีพ่อแม่มากมายที่ไม่เข้าใจตระหนักในเรื่องนี้และคิดว่าสามารถขัดเกลาปลูกฝังกำหนดทิศทางสิ่งต่างๆได้ในภายหลังตอนโต แต่แท้จริงแล้วลักษณะทางธรรมชาติของสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษยนั้น โปรแกรมใดๆก็ตามไม่ว่าจะเป็นพฤติกรรม นิสัยจิตใจทัศนคติ รวมทั้งรูปแบบของอารมณ์ไปจนถึงรสนิยม หากสิ่งใดได้รับการบรรจุปลุกฝังเป็นครั้งแรก สิ่งนั้นจะมีอิทธิพลฝังแน่นในจิตชั้นใต้สำนึกเป็นอย่างมากในตัวเด็กและยากจะเปลี่ยนแปลงในภายหลัง แม้ว่าจะได้รับการปรับเปลี่ยนจากสิ่งใหม่ๆ แต่ส่วนผสมเหล่านั้นมีแนวโน้มที่จะคอยประยุกต์กำหนดทิศทางอยู่เสมอ หากในพ่อแม่รายใดที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ดูแลเด็กได้มากนักและจำเป็นที่จะต้องใข้การฝากเลี้ยง กับเครือญาติ เพื่อนบ้านหรือสถานรับเลี้ยงหรือจ้างคนดูแลไว้ภายในบ้าน ควรจะต้องมีหลักในการเลือกสรรผู้ดูแล นอกจากความเอาใจใสไม่ละเลยและยังต้อง คำนึงถึง ความปลอดภัยไม่วิกลจริตหรืออารมณแปรปรวนหรือมีลักษณะไม่พึงประสงค์ หากพิจารณาปัจจัยในข้างต้นแล้ว การพิจารณาลักษณะ ความคิดอ่านจิตนิสัยทัศนคติ ก็เป็นเรื่องสำคัญเช่นกัน เพราะผู้ปฏิบัติหน้าที่นี้จะมีผลเป็นอย่างมากในการคลุกคลีและซึมซับหลายสิ่งหลายอย่างไปยังเด็ก อย่างไรก็ตามพ่อแม่สามารถเพิ่มความมั่นใจได้ด้วยการปลูกฝังเรื่องต่างๆให้ลูกด้วยตัวเองไปก่อนสักระยะหนึ่ง ชิงปลูกฝังโปรแกรมแรกๆไว้ในเด็กก่อนเป็นรากฐาน ยิ่งหากสิ่งที่เด็กได้รับมีลักษณะของกระบวนการที่พอรู้คิดแยกแยะคัดเลือกด้วยตัวเองได้บ้างจะยิ่งถือเป็นเรื่องที่ดีเป็นอย่างมาก นอกจากนี้การคอยสังเกตไตร่ถามหรือตรวจสอบประเมินเด็กและอบรมปลูกฝังสิ่งดีๆควบคู่ไปด้วยเสมอในยามที่ได้อยู่กับเด็ก จะเป็นเรื่องที่เพิ่มพูนปัจจัยด้านบวกยิ่งขึ้น ไม่ควรละเลยคิดว่ายามพบเจอลูกจะเป็นเพียงแต่การพักผ่อนซึมซับบรรยากาศความอบอุ่นกับลูก…

ให้ความสำคัญกับการนอนของเด็ก

การนอน เป็นยาวิเศษที่สุดของชีวิต เป็นการพักผ่อนร่างกายฟื้นฟูซ่อมแซมร่างกายและยังเป็นการรวบรวมความพร้อมของพลังงานร่างกายมาใช้ให้พอเพียงต่อกิจวัตรประจำวัน อย่างมีพอไม่บกพร่องจนร่างกายเกิดสภาวะหักโหมนำพาผลเสีย และสำหรับในเด็กนั้นการนอนเป็นปัจจัยสำคัญยิ่งขึ้นอันส่งผลต่อภาวะการเจริญเติบโต แต่กระนั้นประเด็นสำคัญในการควบคุมการนอนของเด็กนั่นก็คือเด็กไม่ได้มีความเข้าใจในเรื่องเหล่านี้ เด็กจะหลับหรือจะตื่นไปตามสัญชาติญานทางธรรมชาติ โดยมีสิ่งแวดล้อม และการเลี้ยงดูเข้ามาเป็นตัวแปร นอกจากนี้ตารางการนอนที่มีวินัยคือสิ่งสำคัญ เพราะระบบการนอนนั้น แท้ที่จริงแล้วเป็นเรื่องที่มนุษยไม่สามารถกำหนดได้ดั่งใจไปทั้งหมด ยามนอนอื่ม ไม่อาจนอนง่ายได้โดยไวหากไม่ถึงเวลานอน เพราะร่างกายยังสดชื่นกระปรี้กระเปร่า แต่หากยามอ่อนล้า พอถึงเวลานอนก็ยากจะฝืนร่างกาย ดังนั้นแล้ว ตารางการนอนสร้างการปรับตัวและชินในระบบที่ดีมีประสิทธิภาพจึงนับเป็นเรื่องสำคัญเป็นอย่างมาก และเด็กๆมักจะไม่สามารถเข้าใจกลไกล และควบคุมในเรื่องนี้ได้ด้วยตัวเอง หากพ่อแม่ที่ไม่มีความรู้ความเข้าใจในหลักการนี้ก็มักจะปล่อยเป็นไปอย่างไร้ระบบให้ลูกตื่นในเวลาที่ไม่ควร และให้ลูกนอนในเวลาหรือปริมาณที่ไม่เหมาะสม ครั้นจะให้ลูกนอนหรือตื่นก็กลายเป็นลักษณะที่ฝืนระบบธรรมชาติร่างกาย นอกจากนี้ หากมีสิ่งกระตุ้นความสนใจในเวลาที่ไม่เหมาะสมหรือเจอการรบกวน เด็กๆมักจะตื่นตัวและผิดเวลานอน การพบเห็นลูกต้องนอนในลักษณะที่เพลียอ่อนแรงอย่างที่สุด จนถึงขั้นร่วงหลับไปเองอย่างหมดแรงฝืนนั้น เป็นภาวะที่ไม่ควรให้เกิดขึ้นบ่อยครั้ง เพราะนั่นแปลความหมายว่า ลูกของคุณต้องเจอกับภาวะตรากตรำร่างกายจนถึงขั้นต้องให้ร่างกายบังคับนอนในภาวะขีดสุด ซึ่งอาจไม่ส่งผลดีต่อสุขภาพระยะยาว หากปล่อยให้เป็นแบบนี้บ่อยๆ อย่างไรก็ตาม…

ความสำคัญของหมวกสำหรับเด็กเล็ก

มีเด็กมากมาย ที่มีพฤติกรรมไม่ชอบสวมหมวก หรือไม่ชอบห่มผ้า ซึ่งมักจะดึงหมวกออก หรือนอนสลัดผ้าห่ม ออกเป็นประจำ หรือถึงขั้นคุณแม่เอาหมวกใส่ให้ทีไรเป็นเบะปากทำหน้าโยเย โวยวายหงุดหงิดก็มี ปัญหาเล็กๆเหล่านี้ ที่ผู้ใหญ่มักคิดว่า อาการของเด็กที่ไม่ชอบใส่หมวกนั้นเป็นเรื่องเล็กๆ บางคนมีบ้างที่ยิ่งขำในความน่ารักของเด็กๆที่งอแง และมองว่าเป็นเรื่องที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการบังคับ แต่จะดีกว่าไหมหากว่าสามารถทำให้เด็กมีความรู้สึกที่ดีต่อหมวกและผ้าห่มได้ รวมถึงไม่ต้องส่งผลกระทบต่อภาะวะอารมณ์และสุขภาพจิตของเด็กที่จะนำสู่พฤติกรรมทางนิสัยได้ ปัญหาแรกๆที่ต้องวิเคราะกันบ้างสักหน่อย นั่นก็คือเรื่องของขนาด ของหมวก ซึ่งควรพิจราณาว่ามีขนาดที่ไปสร้างความอึดอัด คับแน่น หรือหลวมย้วย มีลักษณะรุงรังรุ่มร่ามน่ารำคาญหรือไม่ ควรเลือกขนาดไซส์ที่ให้ความพอดี ไม่รัดไปไม่หลวมไปมีความอยู่ตัวสร้างความสบาย นอกจากนี้ยังควรสังเกตในเรื่องลักษณะของใยผ้า ว่าสวมใส่แล้วสร้างความคัน หรือรู้สึกแออัด หรือไม่ โดยในกรณีนี้นอกจากเกิดขึ้นได้จากชนิดของใยผ้าเองแล้ว ยังเกิดขึ้นได้จากการทักทอที่ไม่เข้ารูป มีช่วงตะเข็บหรือเกิดใยฝอยที่สร้างความก่อกวนใจ หรืออาจเกิดขึ้นได้จากการละเลยที่จะทำความสะอาด ซึ่งหมวกบางใบที่ยังแลดูด้วยสายตา มองว่าสะอาดแต่แท้ที่จริงแล้วอาจจะมีการหมักหมม ทำให้เมื่อสวมใส่แล้วมักจะสร้างความคันหรือแสบแพ้ได้ง่าย…

อย่าปล่อยให้มีการสัมผัสตัวเด็กอย่างพร่ำเพรื่อ

ลักษณะทางชีวภาพของสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กจนตาเปล่ามองไม่เห็นในโลกของเรานั้น มีระบบวงจรที่ซับซ้อนหลากหลายเป็นอย่างมาก  ไม่ว่าจะเป็นเชื้อโรค เชื้อรา ไวรัส หรือแบททีเรีย  ซึ่งมีประเภทต่างๆมากมายหลายประเภท และมีทั้งการวิวัฒนาการ มีทั้งการข้ามสายพัณธ์ สร้างพัณธ์ใหม่ๆอยู่เสมอ และบางสายพัณธ์สามารถติดต่อได้ หลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นบาดแผล ทางเลือด ทางอากาศ ทางของเหลว หรือแม้แต่เพียงการสัมผัส ไม่ใช่เรื่องเล่นๆ เลยที่จะมองเป็นเรื่องที่ประมาท มีเด็กหลายคนที่ตกเป็นข่าวน่าเศร้า เพียงเพราะไม่คาดคิดถึงอันตรายจากการสัมผัส ในบริบทเล็กๆที่พ่อแม่มองข้าม เด็กคือวัยที่มีภาวะภูมิต้านทาน ที่ยังไม่แข็งแรงได้เท่ากับผู้ใหญ่โดยเฉพาะในเด็กอ่อนหรือทารก อีกทั้งเด็กยังมีโอกาสถูกสัมผัส ในลักษณะ กอด หอม อุ้ม ลูบ ฯลฯ ได้บ่อยครั้งและมากกว่าผู้ใหญ่ และถูกสัมผัสได้จากบุคคลที่หลากหลายหรือแม้แต่กระทั่งคนแปลกหน้า ที่ชื่นชอบความน่ารักของเด็ก มือของผู้ใหญ่ที่หยิบจับสัมผัสวัตถุต่างๆมามากมาย…

การปลูกฝังเรื่องอ่อนโยนคือสิ่งจำเป็น

มีพ่อแม่บางกลุ่มมีแนวคิดที่ปราถนาให้ลูกแข็งแกร่ง เลือกที่จะฝึกให้ลูกเข้มแข็ง ต้องการให้ลูกสามารถฝ่าฟันอุปสรรคเติบโตเผชิญกับความเป็นจริงของโลกใบนี้ได้ หรือแม้แต่ในแง่มุมของความโหดร้ายในโลกใบนี้ แน่นอนว่าผู้ใหญ่ที่ได้พบเจอกับอะไรต่อมิอะไรมากมายในโลกใบนี้มาก่อน ย่อมที่จะมีความกังวล ในสิ่งที่ลูกอาจต้องพบเจอ เป็นปกติธรรมดาที่พ่อแม่แทบทุกคน จะอยากให้ลูกมีความเข้มแข็งและรู้เท่าทันชีวิต แต่ความไม่ปกตินั้นอาจจะเกิดขึ้นได้ หากพ่อแม่มีความรู้ความเข้าใจในการปลูกฝังอบรมลูกอย่างไม่ถูกวิธี การฝึกฝน เรียนรู้ของเด็กนั้น นอกจากจะต้องมีรูปแบบของวิธีที่ดีแล้ว ยังจะต้องมีการไล่เรียงลำดับที่ถูกต้อง มีเวลาและสถานการณ์ที่อยู่ในภาวะที่ถูกต้อง  และต้องมีการค่อยๆปูทาง มีการค่อยๆขยับแบบเรียนรู้ มีความสอดคล้องกับระดับของวัย มีปริมาณที่สลับความเข้มข้นและผ่อนคลาย มีความใจเย็นที่ค่อยๆบรรจุขัดเกลา ไม่มากเกินไปไม่เข้มเกินไป ให้ อยู่ในจุดที่สมดลุย์ และสำคัญที่สุดต้องยังคงหลงเหลือพื้นที่ให้สำหรับ ความสุขของเด็ก ความได้ดื่มด่ำกับช่วงวัยของชีวิต ได้ปลดปล่อยความเป็นธรรมชาติในโลกของเด็กๆได้อย่างพอเพียง ได้มีความแจ่มใสร่าเริงสนุกสนานตามประสา   ความอ่อนโยน ความน่ารัก มิใช่เรื่องอ่อนแอ  !!! มีพ่อแม่บางคนปฏิเสธที่จะให้ลูกมีลักษณะของความอ่อนโยนแฝงอยู่ในตัว…

อย่าให้ลูกชินกับน้ำเสียงอันก้าวร้าวของผู้ใหญ่

มีพ่อแม่หลายคน ที่มีความเข้าใจที่ผิดในวิธีของการดุลูก หรือแสดงความจริงจังกับลูกด้วยการโวยวาย ด้วยน้ำเสียงที่รุนแรง การแสดงออกถึงความเกรี้ยวกราด การแสดงออกถึงความโมโห มีพื้นฐานมาจากสัญชาติญาณดั้งเดิมของมนุษย์ ที่เป็นระบายอารมณ์หรือเป็นการขู่หรือข่มขวัญ  ซึ่งอันที่จริงแล้วมนุษย์คือสิ่งมีชีวิตที่พัฒนาอารยะธรรม ยกระดับหาทางออกที่ดีมากขึ้นกว่าได้ การแสดงออกด้วยอารมณ์ที่รุนแรง จะมีลักษณะการสื่อกระตุ้น ต่อมสัญชาติญาณ ทั้งในตัวเด็กและพ่อแม่เชื่อมถึงกัน เชื่อมโยงระหว่างสัญชาติญาณดิบดั้งเดิม ในตัวคน  ให้มีลักษณะของการปลูกฝังและเคยชิน การดุด่าโวยวายลูก เป็นวิธีที่พ่อแม่มักเข้าใจว่าคือทางออกที่ได้ผล  อันเนื่องมาจาก รับรู้ว่ามันใช้ได้ มาตั้งแต่วัยที่รู้ประสา และแน่นอนว่าพ่อแม่ย่อมไม่อาจจดจำตัวเองในวัยที่ไม่รู้ประสาได้ จึงมักไม่อาจจดจำได้ว่า  มันเป็นอย่างไรในวัยนั้นต่อเรื่องนี้ สำหรับเด็กที่ยังไม่ประสาอะไรมากนัก นอกจากการดุโวยวายจะไม่ค่อยได้ผลแล้ว  ยังเป็นการปลูกฝังพฤติกรรมให้กับเด็กอีกด้วย หนักเข้า ยิ่งลูกไม่รู้เรื่อง ในขณะที่พ่อแม่ก็เร่งอารมณ์ตัวเองกระตุ้นตัวเองไปเรื่อยๆยิ่งเป็นสภาวะที่ยุแก่การนำพาสู่การลงโทษด้วยกำลัง และทวีคูนความโมโหโต้ตอบของเด็ก พ่อแม่ก็ยิ่งหมายจะกำราบให้อยู่ให้หลาบจำในครั้งเดียว มีพ่อแม่หลายคนเลยทีเดียวที่ ใช้วิธีนี้ด้วยความเข้าใจเอาเอง…

อย่าลืมให้วิจารณญาณลูกทุกการพัฒนาเรียนรู้

เด็กฉายแวว  คือสัญญาณที่ดี ไม่ว่าจะเป็นแววในด้านอะไรก็ตาม  พ่อแม่บางคนดีใจที่ลูก ฉายแววชอบเรียนรู้ พ่อแม่บางคนดีใจที่ลูกเริ่มสนใจ ในกิจกรรมที่โดดเด่น  พ่อแม่หลายคนดีใจที่เด็กมีความกล้าแสดงออก หรือช่างพูดช่างซักช่างถาม  หรือเด็กบางคนส่อแววความเป็นอัจฉริยะ ซึ่งมักเป็นที่เข้าใจกันทั่วไปว่า หากในเวลาที่เด็กได้ฉายแววใดออกมา ผู้ใหญ่ควรให้การสนับสนุนผลักดันความโดดเด่นในเรื่องนั้นให้มากที่สุด  แต่กระนั้นก็ตาม  ยังมีหลายครอบครัวที่ยังขาดความเข้าใจ  ในเรื่องของความพอดีเหมาะสมและการให้วิจารณญาณกับเด็ก เด็กบางคนเป็นคนช่างถามช่างซัก ร่าเริงแจ่มใส คนในครอบครัวให้ความรักและเอ็นดู พาไปทางไหนเจอญาติพี่น้อง หรือเพื่อนฝูงคนรู้จัก เด็กก็ร่าเริงพูดเจื้อยแจ้ว ช่างถามช่างซักกับทุกคน เด็กบางคนฉายแววนักประดิษฐ์ นักคิดนักวิเคราะ  ชอบสงสัย หาข้อเปรียบเทียบ ชอบรื้อ หรือชอบผสม ชอบประกอบ รูปการณ์แบบนี้พ่อแม่มัก จะตามใจเต็มที่ และปล่อยให้เด็กยิ่งทำยิ่งดี ยิ่งส่งเสริม ด้วยความเชื่อที่ว่า …

เมื่อลูกน้อยชอบเอาแต่ใจ งอแง

  การอบรมปลูกฝังลูก นั้นควรทำอย่างมีแบบแผน    ในครั้งที่เด็กทำตัวดื้อซน  ผู้ใหญ่ต้องสั่งสอนอย่างเจตนาที่จะอบรม แต่มิใช่ ผู้ใหญ่มีอารมณ์ร่วมในทางโมโห   การไม่ตามใจเด็กการ ไม่ให้ในสิ่งที่เด็กกำลังเอาแต่ใจ  การขัดขืนเด็ก การหยุดหรือการยึดสิ่งใดๆจากเด็กต้องกระทำด้วย การแสดงออกทางลักษณะของสีหน้าน้ำเสียง ที่ปกติแต่หนักแน่นในเหตผล ไม่โกรธ ไม่โมโห ไม่ขู่ว่าจะไม่รัก ไม่ใช้การขู่อันใด ที่สร้างความวิตกกังวลให้กับเด็ก ไม่แม้แต่การแกล้งทำสีหน้า โกรธ หรือเย็นชาหรืองอน ใส่เด็ก   สิ่งที่คุณควรทำนั่นก็คือการส่งเสริมปลูกฝังให้เด็กมีความรู้สึกยอมรับ ในสิ่งที่ควรหรือไม่ควรให้ได้ด้วยตัวเขาเอง   ใช้สีหน้าท่าทางปกติ เมื่อทำบ่อยๆขึ้น เด็กจะเริ่มเข้าใจในโปรแกรมนี้ ทำเพราะรู้ว่าต้องทำ  ไม่ทำเพราะรู้ว่าไม่ควรทำ   เด็กจะให้ค่าความสำคัญกับความหมายนี้ โดยไม่ถูกเหตผลอื่นอำพรางหรือซ้อนเอาไว้อยู่ เด็กจะรู้อะไรเขาจะได้ อะไรเขาจะไม่ได้ อะไรที่เขางอแงไปก็ไม่ได้ผล แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น…

เด็กๆชอบสิ่งเคลื่อนไหว

วัตถุเคลื่อนไหว  เป็นสิ่งที่สร้างความสนใจให้กับ สิ่งมีชีวิตโดยเฉพาะในวัยแรกเริ่มของชีวิตหลายประเภทหลายชนิด ในเด็กที่เป็นมนุษย์ หรือสิ่งมีชีวิตเล็กแรกเริ่มใดก็ตาม มักจะมีปฏิกริยาตอบสนอง ต่อวัตถุเคลื่อนไหวกันเป็นพิเศษ การหาวัตถุหรือของเล่น ที่มีรูปทรงและสีสันที่น่าสนใจ มาเคลื่อนไหวให้ลูกดู  มิใช่เพียงแต่จะไว้ใช้ในโอกาสที่ต้องการดึงดูดความสนใจ ในแบบที่พ่อแม่หลายๆบ้านมักดึงดูด เพื่อหยอกเย้าเล่นกับลูกหรือหลอกล่อให้ ทานอาหารในช้อน แต่เพียงเท่านั้น สิ่งเคลื่อนไหวยังช่วยสร้างเสริมพัฒนาการให้กับลูกได้อีกด้วย ซึ่งเป็นเรื่องที่ควรเพิ่มโอกาสให้เด็กได้รับพัฒนาการอย่างสม่ำเสมอ การมองตาม วัตถุเคลื่อนไหว  จะช่วยให้เด็กทารกได้รับการบริหารการควบคุม ดวงตา การเคลื่อนไหวมองตาม  การโฟกัสวัตถุ และพัฒนาการในการแยกแยะ ของภาพที่สนใจ และยังเป็นการปลูกฝัง ให้เด็กทารกมีความตื่นตัว  ต่อความเคลื่อนไหวรอบตัว  มีความตอบสนองที่เท่าทัน มีความกระตุ้นกระเตื้องได้ดี นอกจากจะส่งเสริมพัฒนาการได้แล้วยังสามารถช่วยกระตุ้นซ่อมแซมแก้ไขรักษาจุดบกพร่อง ที่ซ่อนเร้นอยู่ได้อีกด้วย อีกทั้ง ยังได้รับความคุ้นเคยในการ ให้ความสังเกตต่อสิ่งที่พบเห็น …

Page 1 of 2

  • 1
  • 2